ภาพจิตรกรรมฝาผนังโยเดียในเมืองสะกาย
- Napat Uthaichai
- Feb 5
- 1 min read
Updated: Apr 17

จากเมืองมัณฑะเลย์ คุณโซ จอ ตู หรือโคโซ ชาวพม่าผู้รับหน้าที่ไกด์พาผมนั่งรถรับจ้างลงใต้ผ่านเมืองอังวะไปขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำอิระวดีที่ดูยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม เพื่อไปยังเมืองสะกาย อดีตราชธานีของอาณาจักรพม่าโบราณ

ระหว่างทางรถยนต์แล่นไปบนถนนปูนสลับทางดิน ลัดเลาะชุมชนแล้วชุมชนเล่า ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีก็มาถึง วัดมหาเตงดอจี (Maha Thien Daw Gyi) เพื่อตามหาร่องรอยชาวโยเดียโดยได้แรงบันดาลใจมาจากหนังสือ “ชาวอยุธยาที่เมืองสะกาย” เขียนโดยรศ. ม.ล.สุรสวัสดิ์ ศุขสวัสดิ์ และดร. ม.ร.ว.รุจยา อาภากร

ภิกษุในจีวรสีส้มพาเราไปยังจุดหมาย เบื้องหน้าผมปรากฏพระอุโบสถขนาดเล็ก อาคารก่ออิฐถือปูนชั้นเดียวทาด้วยปูนขาว มีกำแพงเตี้ยสีขาวและรั้วรอบขอบชิด และมีเจดีย์หนึ่งองค์อยู่ด้านหลัง หลังคาและตามส่วนต่างๆ ตกแต่งด้วยปูนปั้น เช่น ลายหน้าบัน ป้านลม นาคสะดุ้ง และช่อฟ้า ส่วนที่เป็นรูปสัตว์ เช่น กิเลน หงส์ ครุฑยุดนาค ทั้งนี้ บริเวณหน้าบันด้านหน้าเป็นปูนปั้นคล้ายวิทยาธร เช่นเดียวกับภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนปลายที่วัดเกาะแก้วสุทธาราม จังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ ยังพบลวดลายดอกจอกผ่าครึ่ง ซึ่งบ่งบอกอายุของอาคารในราวปี 2140 - 2288 ตรงกับสมัยราชวงศ์ปราสาททอง และช่วงต้นของราชวงศ์บ้านพลูหลวงของอยุธยา
ทันทีที่เดินก้มศีรษะผ่านประตูด้านหน้าเข้าไปภายในอุโบสถ ผมรู้สึกเหมือนได้ข้ามไปอีกโลกหนึ่ง เพราะภาพเบื้องหน้าคือจิตรกรรมที่ละลานตารายรอบทั้งบนผนังและเพดาน บริเวณผนังเหนือประตูทางเข้าเป็นภาพบุษบก หรือมณฑปเก้ายอดที่แอ่นโค้งหรือ “ตกท้องช้าง” ซึ่งแสดงถึงโครงสร้างสถาปัตยกรรมเครื่องไม้แบบอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยขัดสมาธิเพชร มีสังฆาฏิพาดบนไหล่ซ้ายลงมาจรดสะดือ สองข้างพระพุทธรูปกระหนาบข้างด้วยกลดและฉัตร ซึ่งเป็นเครื่องสูงแบบภาคกลาง และตุง หรือธงซึ่งเป็นเครื่องสูงในวัฒนธรรมแบบล้านนา โดยภาพบุษบกนี้มีการใช้เส้นสินเทา หรือเส้นแบ่งการเล่าเรื่องเป็นกรอบตามแบบฉบับอยุธยาตอนกลางต่อตอนปลาย

ส่วนบริเวณเหนือพระประธานเป็นภาพลายก้านดอกคดโค้ง หรือใบไม้ที่ม้วนขดอย่างวิจิตร ซึ่งเลียนแบบมาจากปูนปั้นลายก้านและกนกเปลวประดับหน้าบันของโบสถ์และวิหารตามแบบฉบับอยุธยาตอนปลาย
ผนังหุ้มกลองทั้งสองด้านเป็นภาพกระรอกและนก คั่นกลางด้วยภาพพระพุทธรูปสลับด้วยลายกลด หรือฉัตรชั้นเดียว ซึ่งเป็นลักษณะทางศิลปกรรมในสมัยอยุธยาตอนปลาย ส่วนด้านบนเพดานเป็นภาพดาวเพดานแบบอย่างอยุธยา ทั้งหมดนี้เขียนด้วยสีชาด ดูคล้ายกับภาพจิตรกรรมฝาผนังพระอุโบสถที่วัดช่องนนทรี กรุงเทพมหานคร

ภาพจิตรกรรมฝาผนังนี้เป็นภาพที่เขียนเพื่อการตกแต่ง ไม่ได้เป็นภาพเล่าเรื่องพุทธประวัติอย่างที่นิยมเขียนกันมากในสยาม และลวดลายตกแต่งนี้เองถูกเรียกว่า “ภาพลวดลายพันธุ์พฤกษา” หรือ “Knout” ได้ส่งอิทธิพลไปสู่ลายกนกแบบหนึ่งของพม่าที่เรียกว่า “ลายดอกไม้แบบอยุธยา” หรือ “Yodaya flower design” ซึ่งได้รับความนิยมจนถึงช่วงราชวงศ์คองบองตอนปลาย

ส่วนครึ่งล่างของผนังถูกโบกปูนทับเพราะได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมที่เกิดขึ้นเกือบทุกปีในช่วงฤดูฝน ซึ่งเป็นการแก้ไขปัญหาตามอัตภาพที่ไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการนัก แต่ที่ผ่านมาทางฝ่ายไทยทั้งภาคเอกชนและภาครัฐมีความพยายามในการสนับสนุนความช่วยเหลือเพื่อบูรณะฟื้นฟูภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถวัดมหาเตงดอจีเมืองสะกายอย่างสุดกำลัง

แม้จะไม่พบหลักฐานและประวัติการเขียนภาพจิตรกรรมที่วัดมหาเตงดอจี อย่างไรก็ตาม หนังสือ “ชาวอยุธยาที่เมืองสะกาย” สรุปเบื้องต้นว่าภาพจิตรกรรมฝาผนังดังกล่าวเป็นฝีมือชั้นครู เพราะรายละเอียดของภาพเหมือนกับภาพจิตรกรรมฝาผนังในโบสถ์วิหารของวัดไทย โดยเฉพาะที่วัดเกาะแก้วสุทธาราม และลวดลายปูนปั้นที่วัดไผ่ล้อม จังหวัดเพชรบุรี ลวดลายดังกล่าวเป็นที่นิยมในสมัยอยุธยา ซึ่งอาจจะเป็นฝีมือของช่างเขียนอยุธยาหรือสกุลช่างเมืองเพชรบุรีที่อาจผลัดถิ่นไปเมืองพม่าจากการกวาดต้อนหลังสงคราม

ตลอดเวลาในพระอุโบสถ ผมรู้สึกอินไปกับความงดงามอ่อนช้อยของเส้นสายลายภาพจิตรกรรมที่ส่งพลังงานและอารมณ์ซึ่งแสดงถึงความศรัทธาในพระพุทธศาสนาอย่างแรงกล้า จู่ๆ ความโหยหา อาลัยอาวรณ์ และอาการอยากกลับบ้าน เล่นงานผมเข้าอย่างจัง จนต้องสงบสติอารมณ์ชั่วครู่

ผมคิดว่าสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอย่างหนึ่งของมนุษย์ คือ ความศรัทธาในพระศาสนาซึ่งได้ทำลายทุกๆ พรมแดนที่เราสร้างขึ้นจนหมดสิ้น ดังเช่นภาพจิตรกรรมฝาผนังในพระอุโบสถวัดมหาเตงดอจีอยู่ในอาคารที่ภายนอกตกแต่งด้วยศิลปกรรมพม่า ดูราวกับต้องการจะหลบซ่อนตัวตนแห่งความเป็นอยุธยาเอาไว้ แต่เป็นการหลบซ่อนที่ถ่อมตัวและสง่างาม ช่างเขียนภาพอาจจะเป็นเชลยอยุธยาที่ถูกอังวะกวาดต้อนมาเพราะพ่ายแพ้ในสงคราม แต่ข้าศึกก็ไม่อาจเอาชนะจิตวิญญาณของช่างศิลป์โยเดียได้ สมแล้วกับความหมายของคำว่า อยุธยา ที่แปลว่า เมืองที่ไม่อาจต่อรบ

เนื้อหาและภาพถ่ายทั้งหมดเป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียน
Comments